เมื่อสองวันก่อน คุณจีรนุช เปรมชัยพร ผู้ดูแลเว็บบอร์ดในเว็บข่าวประชาไท ถูกตำรวจจับในข้อหาละเมิดมาตรา 15 ใน พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีข้อความว่า “ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 14”
แน่นอน ทั้งตำรวจและพรรคประชาธิปัตย์อ้างว่าทำตามกฎหมายเท่านั้น ไม่มีอะไรมาก
คำถามคือกฎหมายมันดีแล้วจริงหรือ ลำพังตัวกฎหมายนั้นย่อมเป็นของ “หยาบ” โดยธรรมชาติ รัฐต้องใช้วิจารณญาณและดุลยพินิจในการบังคับใช้ สมควรแล้วหรือที่รัฐจะจับกุมผู้ดูแลเว็บบอร์ดในข้อหานี้ เพียงเพราะ “ปล่อย” ให้มี “ข้อความหมิ่นฯ” (ซึ่งก็ถูกก็อปปี้มาโพสจากอีกเว็บบอร์ดหนึ่ง) ปรากฏอยู่บนเว็บบอร์ดประชาไทสิบกว่าวัน ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว และข้อความนี้ก็ไม่ได้ปรากฎมานานมากแล้ว
ตำรวจเตือนกันดีๆ ไม่ได้หรือ?
ตำรวจบอกว่ารวบตัวคนโพส “ข้อความหมิ่น” คนนั้นได้แล้ว และกำลังดำเนินคดีอยู่ ท่ามกลางความสงสัยของหลายคนว่าจับ “ถูกคน” หรือไม่ และข้อความนั้นซึ่งเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่ต้องตีความ จะถูกศาลพิพากษาว่า “หมิ่นฯ” จริงหรือไม่
ถ้าตำรวจจะบ้องตื้นจับคนดูแลเว็บบอร์ดเพราะเรื่องอะไรที่เป็นอดีตไปแล้ว เหตุใดจึงไม่รอให้ศาลตัดสินคดีหมิ่นฯ ของคนโพสข้อความต่างๆ ว่า “หมิ่นฯ” จริงก่อน?
บุกมาจับกันแบบนี้ไม่ใช่การคุกคามสื่อตรงไหน ไม่ใช่การกลั่นแกล้งผู้มีความเห็นต่างทางการเมืองกับรัฐบาลตรงไหน “ทำตามกฎหมาย” เฉยๆ ตรงไหน
ถ้าเรื่องแบบนี้ทำให้คุณจีรนุชถูกจับ มีหมายศาลไปค้นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวได้ ใครก็ตามที่เปิดพื้นที่ให้คนโพสความเห็นอย่างเสรีก็สุ่มเสี่ยงที่จะถูกจับเหมือนกัน รวมทั้งเจ้าของบล็อกนี้ด้วย
ข้อความปรากฏในเว็บบอร์ดสิบกว่าวันแปลว่าผู้ดูแลเว็บบอร์ด “ยินยอมให้มีการกระทำความผิด” เลยหรือ? นี่หรือคือการ “ใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม”? ด้วยการโผล่ไปจับหนึ่งในผู้ดูแลเว็บบอร์ดที่เก่งที่สุดในประเทศนี้ ผู้พยายามพิทักษ์สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของคนเล่นเน็ตอย่างสุดความสามารถตลอดมา พร้อมแจ้งเตือนคนเล่นเน็ตที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกตีความว่าทำผิดกฎหมาย และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามผู้ต้องสงสัยว่ากระทำผิด (ซึ่งก็ยังไม่มีใครที่ถูกจับเพราะโพสในเว็บบอร์ดประชาไท คดีเดินถึงชั้นศาลแล้วศาลตัดสินว่าผิดจริง)
ไม่เหมือนกับหลายเว็บบอร์ดใหญ่ที่ใช้นโยบายดูแลเว็บแบบมักง่าย ขี้ขลาด และลิดรอนสิทธิในการแสดงออกของคนเล่นเน็ตมานานมากแล้ว
เหตุใดรัฐจึงไม่แยกแยะระหว่างอาชญากรตัวจริงที่ทำผิดกฎหมายหมิ่นฯ กับผู้บริสุทธิ์ที่มุ่งปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน – เสรีภาพที่รัฐบาลชอบประกาศคุยโวนักหนาว่าตัวเองจะคุ้มครอง?
เมื่อสองวันก่อน คุณจีรนุช เปรมชัยพร ผู้ดูแลเว็บบอร์ดในเว็บข่าวประชาไท ถูกตำรวจจับในข้อหาละเมิดมาตรา 15 ใน พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีข้อความว่า “ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 14”
แน่นอน ทั้งตำรวจและพรรคประชาธิปัตย์อ้างว่าทำตามกฎหมายเท่านั้น ไม่มีอะไรมาก
คำถามคือกฎหมายมันดีแล้วจริงหรือ ลำพังตัวกฎหมายนั้นย่อมเป็นของ “หยาบ” โดยธรรมชาติ รัฐต้องใช้วิจารณญาณและดุลยพินิจในการบังคับใช้ สมควรแล้วหรือที่รัฐจะจับกุมผู้ดูแลเว็บบอร์ดในข้อหานี้ เพียงเพราะ “ปล่อย” ให้มี “ข้อความหมิ่นฯ” (ซึ่งก็ถูกก็อปปี้มาโพสจากอีกเว็บบอร์ดหนึ่ง) ปรากฏอยู่บนเว็บบอร์ดประชาไทสิบกว่าวัน ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว และข้อความนี้ก็ไม่ได้ปรากฎมานานมากแล้ว
ตำรวจเตือนกันดีๆ ไม่ได้หรือ?
ตำรวจบอกว่ารวบตัวคนโพส “ข้อความหมิ่น” คนนั้นได้แล้ว และกำลังดำเนินคดีอยู่ ท่ามกลางความสงสัยของหลายคนว่าจับ “ถูกคน” หรือไม่ และข้อความนั้นซึ่งเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่ต้องตีความ จะถูกศาลพิพากษาว่า “หมิ่นฯ” จริงหรือไม่
ถ้าตำรวจจะบ้องตื้นจับคนดูแลเว็บบอร์ดเพราะเรื่องอะไรที่เป็นอดีตไปแล้ว เหตุใดจึงไม่รอให้ศาลตัดสินคดีหมิ่นฯ ของคนโพสข้อความต่างๆ ว่า “หมิ่นฯ” จริงก่อน?
บุกมาจับกันแบบนี้ไม่ใช่การคุกคามสื่อตรงไหน ไม่ใช่การกลั่นแกล้งผู้มีความเห็นต่างทางการเมืองกับรัฐบาลตรงไหน “ทำตามกฎหมาย” เฉยๆ ตรงไหน
ถ้าเรื่องแบบนี้ทำให้คุณจีรนุชถูกจับ มีหมายศาลไปค้นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวได้ ใครก็ตามที่เปิดพื้นที่ให้คนโพสความเห็นอย่างเสรีก็สุ่มเสี่ยงที่จะถูกจับเหมือนกัน รวมทั้งเจ้าของบล็อกนี้ด้วย
ข้อความปรากฏในเว็บบอร์ดสิบกว่าวันแปลว่าผู้ดูแลเว็บบอร์ด “ยินยอมให้มีการกระทำความผิด” เลยหรือ? นี่หรือคือการ “ใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม”? ด้วยการโผล่ไปจับหนึ่งในผู้ดูแลเว็บบอร์ดที่เก่งที่สุดในประเทศนี้ ผู้พยายามพิทักษ์สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของคนเล่นเน็ตอย่างสุดความสามารถตลอดมา พร้อมแจ้งเตือนคนเล่นเน็ตที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกตีความว่าทำผิดกฎหมาย และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามผู้ต้องสงสัยว่ากระทำผิด (ซึ่งก็ยังไม่มีใครที่ถูกจับเพราะโพสในเว็บบอร์ดประชาไท คดีเดินถึงชั้นศาลแล้วศาลตัดสินว่าผิดจริง)
ไม่เหมือนกับหลายเว็บบอร์ดใหญ่ที่ใช้นโยบายดูแลเว็บแบบมักง่าย ขี้ขลาด และลิดรอนสิทธิในการแสดงออกของคนเล่นเน็ตมานานมากแล้ว
เหตุใดรัฐจึงไม่แยกแยะระหว่างอาชญากรตัวจริงที่ทำผิดกฎหมายหมิ่นฯ กับผู้บริสุทธิ์ที่มุ่งปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน – เสรีภาพที่รัฐบาลชอบประกาศคุยโวนักหนาว่าตัวเองจะคุ้มครอง?
ถ้ากฎหมายมันคลุมเครือไม่ชัดเจนจนทำให้คนเล่นเน็ตหวาดผวาและผู้ดูแลเว็บบอร์ดถูกคุกคามได้ขนาดนี้ มันก็สมควรจะได้รับการแก้ไข
ถึงที่สุดแล้วก็หนีไม่พ้นคำถามว่า รัฐไทยเข้าใจธรรมชาติของชุมชนอินเทอร์เน็ตแค่ไหน อินเทอร์เน็ตซึ่งเปรียบเสมือน “ห้องนั่งเล่นโลก” ที่ใครๆ ก็เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้โดยเสรี ขอเพียงเข้าถึงเน็ต การที่นายกฯ อภิสิทธิ์ ออกมาโบ้ยว่าผู้ดูแลเว็บบอร์ดมีหน้าที่ “ป้องกัน” ไม่ให้ข้อความหมิ่นฯ ปรากฏนั้น มันสมเหตุสมผลและมีประสิทธิผลจริงหรือ การโบ้ยให้ผู้ดูแลเว็บไซต์มีหน้าที่ “ป้องกัน” ข้อความหมิ่นฯ (ซึ่งก็ไม่มีเขียนในกฎหมายฉบับไหนทั้งสิ้น และผู้เขียนไม่เคยเห็นกฎหมายประเทศไหนกำหนดให้ผู้ดูแลเว็บต้องทำหน้าที่เป็น “ตำรวจพลเรือน” แบบนี้ อาจจะมีแต่ประเทศเผด็จการเท่านั้น) แปลว่าให้แต่ละเว็บคิดกันเอาเองใช่หรือไม่ว่าอะไรหมิ่นไม่หมิ่น แปลว่าตำรวจไม่ต้องทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายแล้วใช่หรือไม่ แบบนี้คนจะแสดงความเห็นเรื่องสถาบันฯ ได้อีกหรือ หรือแม้แต่จะเอ่ยคำศัพท์ใดๆ ที่เกี่ยวกับสถาบันฯ เพราะจะมีเว็บไหนบ้างที่กล้า ‘ปล่อย’ ให้แม้แต่จะคุยเรื่องนี้กันธรรมดาๆ หลังจากที่คุณจีรนุชโดนแบบนี้
คนไทยไม่สมควรมีสิทธิพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นเกี่ยวกับหนึ่งในสถาบันที่สำคัญที่สุดของประเทศเลยหรืออย่างไร
ถ้ามาตรการของรัฐก่อให้เกิดความไม่พอใจในวงกว้าง ส่งผลให้พวกไม่ประสงค์ดี กลุ่มที่จ้องจะ “ล้มล้าง” สถาบันฯ จริงๆ สามารถฉวยโอกาสเพิ่มจำนวนสมาชิกได้มากขึ้น ถ้่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง จะเท่ากับว่ารัฐทำผิดกฎหมาย “หมิ่นฯ” เองหรือมิใช่ มาตรการไม้แข็งของรัฐส่งผลกระทบต่อสถาบันฯ และ “ความมั่นคงของชาติ” ร้ายแรงยิ่งกว่าความเห็นชั่ววูบของคนธรรมดาที่โพสในเว็บบอร์ดใช่หรือไม่ ใครจะกล้าฟ้องรัฐในข้อหานี้ (ไม่นับสื่อบางหัวที่ชอบอวดอ้างสถาบันฯ แต่กลับส่งผลกระทบในแง่ลบเหมือนกัน)
เมืองไทยกำลังถลำและไถลไปข้างขวาจัดเข้าไปทุกทีแล้ว ตลกร้ายที่น่าเศร้าคือ เรามีรัฐบาลที่นำโดยพรรค “ประชาธิปัตย์” แต่ดูเหมือนจะทำตัวเป็นพรรคฟาสซิสต์มากขึ้นทุกวัน
ผู้เขียนคิดว่ารูปนี้บอกอะไรๆ เกี่ยวกับเมืองไทยได้ดีมาก –
ความหน้าไหว้หลังหลอกและเลือกปฏิบัติแบบขี้ขลาดตาขาวในเมืองไทยนั้นมีมากจริงๆ :/
ขอปิดท้ายด้วยกลอนดีๆ จากคุณใบตองแห้ง –
ความจริงวันนี้ทีใครใช้อำนาจ
ล้วนอุบาทว์ปิดกั้นปั้นข้อหา
ปากเล่นเล่ห์ให้เสรีสื่อวาจา
แต่เข่นฆ่าสื่อเห็นต่างอย่างระยำ
เสรีสื่อคือให้พวกอย่างโป๊งเหน่ง
เข้ามาเซ็งลี้สื่อรัฐฟัดอิ่มหนำ
สื่อสีเหลืองปลุกระดมถมครอบงำ
มีเส้นค้ำคุกคามคนล้นเสรี
วิทยุเว็บไซต์ใครเห็นต่าง
“กิ๊กเจ๊ดาว” ไล่จองล้างอ้างปลุกผี
เผด็จการไม่ต่างกันปั้นภาพดี
คือความจริงวันนี้ลากไส้ตัว
แด่ จีรนุช เปรมชัยพร ผู้ดูแลเว็บประชาไท
ขอประณามรัฐบาล ปชป.ใช้ กม.เผด็จการคุกคามสื่อ
– ใบตองแห้ง