แค่ไหนเรียก “สนิท” (4): ไล่ไทม์ไลน์ BCP และ BCPG

ผู้เขียนอธิบายในบทความหลายตอนก่อนหน้านี้ว่า ในบรรดาบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยทั้งหมดที่ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ภรรยาและอดีตภรรยาของเขา รวมถึง Capital Asia Investments (CAI) นิติบุคคลสิงคโปร์ที่เขาใช้ เข้ามาลงทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา (ผู้เขียนจะเรียกรวมๆ ว่า “กลุ่มเมาเออร์เบอร์เกอร์”) บริษัทที่ต้องตั้งข้อสังเกตว่า “น่าจะรู้จัก” เขาอย่างแน่นอน คือ บริษัทในตลาดหุ้นที่จงใจจัดสรรหุ้นให้กับกลุ่มเมาเออร์เบอร์เกอร์ ไม่ใช่ให้ไปซื้อเอาเองในตลาดรอง

ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา บริษัทในตลาดหุ้นที่จงใจจัดสรรหุ้นให้กับกลุ่มนี้ ได้แก่ บมจ. ฟินันเซีย เอกซ์ (FSX), บมจ. วีจีไอ (VGI) และ บมจ. บีซีพีจี (BCPG) บริษัทลูกของ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชัน

ผู้เขียนเคยเขียนถึงกรณีการจัดสรรหุ้นให้กลุ่มเมาเออร์เบอร์เกอร์ โดย VGI และโดย FSX ไปแล้ว ดังนั้นวันนี้ก็ถึงเวลามาดูการจัดสรรหุ้น BCPG ในปี 2020 กันบ้าง

การจัดสรรหุ้นบริษัทพลังงานชื่อดังในครั้งนั้น นอกจากจะชี้ว่าคณะกรรมการบริษัทน่าจะ “รู้จัก” เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ และสมัครพรรคพวกของเขาเป็นอย่างดี ไม่แพ้ที่คณะกรรมการหรือเจ้าของ VGI และ FSX รู้จักแล้ว ยังเปรียบเสมือน “ปฐมบท” ของความพยายามในการเข้าซื้อหุ้นบริษัทแม่หรือ BCP ของกลุ่ม “นักลงทุนลึกลับ” ที่คนยังสงสัยว่า “ตัวจริง” คือใคร จวบจนทุกวันนี้

และเหตุการณ์เหล่านี้ เกิดขึ้นภายใต้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในยุค เศรษฐา ทวีสิน และ แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งก็เป็นคนคนเดียวกันกับที่นั่ง “หัวโต๊ะ” ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เสนอจัดสรรหุ้นอย่างจำเพาะเจาะจงให้กับกลุ่มของนายเมาเออร์เบอร์เกอร์

เราสามารถไล่ไทม์ไลน์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ BCP และ BCPG ได้ดังนี้

7 ตุลาคม 2020 BCPG: บริษัทจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น โดยมี พิชัย ชุณหวชิร ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท BCP และ BCPG ในขณะนั้น (คือเป็นประธานทั้งบริษัทแม่และบริษัทลูก) เป็นประธานในที่ประชุม (หลังจากที่ก่อนหน้านั้นมีมติที่ประชุมกรรมการบริษัทในเดือนสิงหาคม 2020)

ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันนั้น “มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียน จาก 10,000 ล้านบาท เป็น 16,508.50 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ จำนวน 1,301.70 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 5 บาท แบ่งจัดสรรหุ้นจำนวน 250 ล้านหุ้น เสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) อัตรา 8 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน ราคาเสนอขาย 11.50 บาท …[และ] ได้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 674.5 ล้านหุ้น เสนอขายให้บุคคลในวงจำกัด (Private Placement: PP) ในราคาหุ้นละ 11.50 บาท ให้แก่ Pilgrim Partners Asia (Pte.) Ltd. …และ Capital Asia Investments Pte. Ltd. …และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 283 ล้านหุ้น เสนอขายให้ PP โดยผ่านกระบวนการเปิดให้ผู้ลงทุนสถาบันแสดงความประสงค์ซื้อหุ้นเพิ่มทุน ณ ระดับราคาที่ต้องการ (book building)” (ข้อมูลจากสารสนเทศของบริษัท)

13 พฤศจิกายน 2020 BCPG: ทั้ง Capital Asia Investments (CAI) และ Pilgrim Partners Asia สอง “นักลงทุน” จากสิงคโปร์ เข้าซื้อหุ้น 195.75 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นรายละ 7.41% ใน BCPG ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น [ดาวน์โหลด: สารสนเทศของ CAI และ สารสนเทศของ Pilgrim Partners Asia ที่แจ้งธุรกรรมต่อ ก.ล.ต.]

วันนี้เรารู้แล้วว่า Capital Asia Investments (CAI) คือนิติบุคคลที่ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ใช้ในการซื้อหุ้นไทย ส่วน Pilgrim Partners Asia นั้น หลังจากที่ได้หุ้น PP ไป 7.41% ก็ค่อยๆ ทยอยขายออกจนหมดภายในเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น

2021 – 2022 BCPG: Pilgrim Partners Asia “นักลงทุน” จากสิงคโปร์ที่มาซื้อหุ้น PP ทยอยขายหุ้น BCPG 7.41% ที่ตัวเองถือจนหมด โดยไม่ปรากฏชื่อเป็นผู้ถือหุ้น BCPG อีก นับตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2022 เป็นต้นมา

ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ Pilgrim Partners Asia ทยอยขายหุ้น BCPG ก็เริ่มปรากฏชื่อบุคคลในกลุ่มเมาเออร์เบอร์เกอร์ ถือหุ้น BCPG ยกตัวอย่างเช่น ณ วันที่ 4 มีนาคม 2022 ตัวละครต่างๆ ถือหุ้น BCPG ดังนี้

  1. Pilgrim Partners Asia ถือ 2.97%
  2. Capital Asia Investments (CAI) ถือ 5.41%
  3. แคททาลียา บีเวอร์ (ภรรยาเมาเออร์เบอร์เกอร์) ถือ 3.49%
  4. ยิม เลียก ถือ 1.57%
  5. สุภารัตน์ สง่าเมือง (อดีตภรรยาเมาเออร์เบอร์เกอร์) ถือ 0.81%

สัดส่วนการถือหุ้น BCPG ของ CAI และ Pilgrim Partners Asia ที่ลดลงในช่วงนี้คือ (7.41% – 2.97%) + (7.41% – 5.41%) = 6.44% ค่อนข้างใกล้เคียงกับสัดส่วนการถือหุ้นของ แคททาลียา บีเวอร์, ยิม เลียก และ สุภารัตน์ สง่าเมือง ที่เพิ่มขึ้น 3.49% + 1.57% + 0.81% = 5.87% จึงมีความเป็นไปได้ที่ CAI และ Pilgrim Partners Asia จะขายหุ้นให้กับคนกลุ่มนี้เป็นหลัก

18 มีนาคม 2024 BCP และ BCPG:  สำนักงาน ก.ล.ต. เปิดเผยแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59) ว่า พิชัย ชุณหวชิร โอนหุ้น BCP ทั้งหมดที่ถือ 4.5 แสนหุ้น ผ่าน บล.เอเซีย พลัส โดยทำรายการนอกตลาด และขายหุ้น BCPG เกลี้ยงพอร์ต 1.1 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 7.30 บาท ในรายการ big lot โดยทำรายการซื้อขายผ่านบริษัท หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หลังได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

25 เมษายน 2024 BCP และ BCPG: พิชัย ชุณหวชิร ลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการบริษัทในเครือบางจาก 3 แห่ง ได้แก่ BCP, BCPG และ BBGI เพื่อเตรียมรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

27 เมษายน 2024: พิชัย ชุณหวชิร ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน

(บมจ. แสนสิริ (SIRI) ที่เศรษฐาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ก็ร่วมทำธุรกิจกับ CAI เช่นกัน โดยขายหุ้น 49% ในบริษัทย่อยคือ Big Touch 3 จำกัด ให้กับกองทุนภายใต้ CAI ในเดือนมีนาคม 2025)

6 ธันวาคม 2024 BCP: บริษัท อัลฟา โกลบอล จำกัด ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นข้างมากหรือ 51% ใน อัลฟา ชาร์เตอร์ด เอเนอร์ยี (ผู้ถือหุ้น 20% ใน BCP) จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ด้วยทุนจดทะเบียน 15 ล้านบาท บริษัทนี้มีผู้ถือหุ้นสองคน โดย ณัฐกร อธิธนาวานิช ถือหุ้นเกือบทั้งหมด (99.9999%) ในบริษัท

23 มกราคม 2025 BCP: บริษัท อัลฟา ชาร์เตอร์ด เอเนอร์ยี จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้นสองรายคือ อัลฟา โกลบอล (51%) และ Encore Issuances S.A. (49%)

22 กุมภาพันธ์ 2025 BCP: สำนักข่าวอิศรา เผยแพร่ข่าว “จับตา ‘กลุ่มทุนการเมือง’ จ้องฮุบ ‘บางจาก’ ส่ง ‘นอมินี’ ซื้อหุ้น-กล่อม ‘ประกันสังคม’ ขายต่อ” 

ข่าวจาก “แหล่งข่าว” ข้างต้น หลายเดือนต่อมาได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริงโดย ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการฝ่ายผู้ประกันตน คณะกรรมการประกันสังคม และอนุกรรมการบริหารความเสี่ยง กองทุนประกันสังคม โดยเขาโพสเฟสบุ๊ก วันที่ 3 กันยายน 2025 ว่า “มีข้อเสนอซื้อหุ้นบางจากทั้งหมดที่ประกันสังคมถือครอง (Big Lot) มูลค่ามากกว่า 6,000 ล้านบาท คิดเป็น 14% ของบริษัท …อนุกรรมการบริหารการลงทุนสำนักงานประกันสังคม โดยเฉพาะตัวแทนผู้ประกันตน ได้ตั้งข้อสังเกตอย่างมากถึงรายชื่อกลุ่มที่เข้ามาทำข้อเสนอ เนื่องจากกลุ่มนี้มีปัญหาในเรื่อง “การระบุตัวตนและไม่สามารถระบุว่าใครคือผู้ซื้อที่แท้จริง ซึ่งขัดกับหลักการบริหารความเสี่ยงด้านธรรมาภิบาล การยอมรับทางสังคม และผลกระทบทางสังคม”

การตั้งข้อส้งเกตดังกล่าวของอนุกรรมการบริหารการลงทุน ส่งผลให้ความพยายามของ “นักลงทุน” กลุ่มดังกล่าวไม่สำเร็จ ประกันสังคมยังคงถึอหุ้น BCP 15.11% จนถึงปัจจุบัน

ปลายเดือนธันวาคม 2024 – ต้นเดือนมีนาคม 2025 BCP: CAI ทยอยซื้อหุ้น BCP จากศูนย์ จนได้หุ้น BCP สูงสุดถึง 13.86% ณ ต้นเดือนมีนาคม 2025 หลังจากนั้นขาย 9% ในวันที่ 5 มีนาคม 2025 (ดูรายการเปลี่ยนแปลงจากแบบแสดงข้อมูล 246-2 ด้านล่าง)

กุมภาพันธ์ 2025 – 9 เมษายน 2025 BCP: อัลฟา ชาร์เตอร์ด เอเนอร์ยี ทยอยซื้อหุ้น BCP จากศูนย์ จนได้หุ้นสูงสุด 20% ณ วันที่ 9 เมษายน 2025 (ดูรายการเปลี่ยนแปลงจากแบบแสดงข้อมูล 246-2 ด้านล่าง)

ในเมื่อ BCP เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่า 38,000 ล้านบาท และไม่ปรากฏรายการซื้อขายหุ้นเกินเส้น 5% ในช่วงเวลาดังกล่าว จากผู้ถือหุ้นรายอื่น จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ CAI จะขาย 9% ไปให้กับ อัลฟา ชาร์เตอร์ด เอเนอร์ยี ในวันที่ 5 มีนาคม 2025 (และอาจขายมากกว่านั้นด้วยหลังจากนั้น)

3 ธันวาคม 2025 BCP: สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงข่าวยึดอายัดทรัพย์ขบวนการสแกมเมอร์ที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พบข้อมูลเชื่อมถึง “เบนสมิธ-ยิมเลียก” รวมทั้งอายัดหุ้นบางจาก (BCP) มูลค่า 6,000 ล้านบาท (ข่าวไทยบีพีเอส)

เมื่อไล่ไทม์ไลน์ที่เกี่ยวข้องกับ BCP และ BCPG ทั้งหมดดู ก็ค่อนข้างขัดเจนว่า บุคคลสำคัญที่น่าจะอธิบายได้ชัดเจนที่สุดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัททั้งสองนี้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คือ พิชัย ชุณหวชิร อดีตรัฐมนตรีคลัง และอดีตประธานกรรมการ BCP และ BCPG นั่นเอง