ตอนนี้หนังสือสองเล่มแรกของสำนักพิมพ์เล็กๆ ของผู้เขียนคือ “สำนักพิมพ์ชายขอบ” ที่ตั้งใจจะพิมพ์แต่กลอน คือ “ไทยแลนด์แดนสวรรค์” (เขียนเอง) และ “ทะเล่อทะล่า 2-3 บรรทัด/โรคลากไส้ดินสอชั่วลัดนิ้วมือเดียว” (โดย อุเทน มหามิตร กวีหนังสือทำมือคนแรกที่เข้ารอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ปีที่แล้ว) เริ่มวางแผงแล้ว หาซื้อได้ตามร้านซีเอ็ด และร้่านหนังสือทั่วไปค่ะ 🙂
ขอฝากข่าวประชาสัมพันธ์งาน “ชายขอบชวนคุย” ครั้งแรกของสำนักพิมพ์ ซึ่งเราจะยกขบวนไปถึงร้านเล่า เชียงใหม่ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ และขอแปะจดหมายแนะนำตัวสำนักพิมพ์ที่ส่งไปตามสื่อต่างๆ ไว้ตรงนี้ เพื่อประกาศเจตนารมณ์และเป้าหมายของสำนักพิมพ์เล็กๆ แห่งนี้ อีกประมาณสองสามเดือนข้างหน้าคงได้ฤกษ์เปิดเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์อย่างเป็นทางการ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ถ้าใครมีข้อคิดเห็น ติชม สงสัย หรือแนะนำเกี่ยวกับหนังสือของเรา หรืออยากแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับกลอน หรืออยากแต่งกลอนโต้ตอบกับผู้เขียน ก็ขอเชิญโพสในนี้ตามสะดวก 😉
1. งาน “ชายขอบชวนคุย ตอน กวีร็อค + กวีหลอน” วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 ณ ร้านเล่า เชียงใหม่
ตอนนี้หนังสือสองเล่มแรกของสำนักพิมพ์เล็กๆ ของผู้เขียนคือ “สำนักพิมพ์ชายขอบ” ที่ตั้งใจจะพิมพ์แต่กลอน คือ “ไทยแลนด์แดนสวรรค์” (เขียนเอง) และ “ทะเล่อทะล่า 2-3 บรรทัด/โรคลากไส้ดินสอชั่วลัดนิ้วมือเดียว” (โดย อุเทน มหามิตร กวีหนังสือทำมือคนแรกที่เข้ารอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ปีที่แล้ว) เริ่มวางแผงแล้ว หาซื้อได้ตามร้านซีเอ็ด และร้่านหนังสือทั่วไปค่ะ 🙂
ขอฝากข่าวประชาสัมพันธ์งาน “ชายขอบชวนคุย” ครั้งแรกของสำนักพิมพ์ ซึ่งเราจะยกขบวนไปถึงร้านเล่า เชียงใหม่ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ และขอแปะจดหมายแนะนำตัวสำนักพิมพ์ที่ส่งไปตามสื่อต่างๆ ไว้ตรงนี้ เพื่อประกาศเจตนารมณ์และเป้าหมายของสำนักพิมพ์เล็กๆ แห่งนี้ อีกประมาณสองสามเดือนข้างหน้าคงได้ฤกษ์เปิดเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์อย่างเป็นทางการ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ถ้าใครมีข้อคิดเห็น ติชม สงสัย หรือแนะนำเกี่ยวกับหนังสือของเรา หรืออยากแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับกลอน หรืออยากแต่งกลอนโต้ตอบกับผู้เขียน ก็ขอเชิญโพสในนี้ตามสะดวก 😉
1. งาน “ชายขอบชวนคุย ตอน กวีร็อค + กวีหลอน” วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 ณ ร้านเล่า เชียงใหม่
ร้านเล่า เชียงใหม่ และ สำนักพิมพ์ชายขอบ ขอเชิญร่วมงาน
ชายขอบชวนคุย ตอน กวีร็อค + กวีหลอน
วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 ณ ร้านเล่า ถ. นิมมานเหมินทร์ เชียงใหม่
15.00-15.30
เสวนาหัวข้อ “สำนักพิมพ์ชายขอบเป็นใครในโลกหนังสือ”
ร่วมเสวนาโดย สฤณี อาชวานันทกุล บรรณาธิการสำนักพิมพ์ และ นุสรา ประกายพิสุทธิ์ นักออกแบบหนังสือ
15.30-17.00
เสวนาหัวข้อ “บทบาทของกวีไทยร่วมสมัย ในสังคมไทยยุคดิจิตอล”
ร่วมเสวนาโดย ตุล อพาร์ตเมนท์คุณป้า และ อุเทน มหามิตร ดำเนินรายการโดย อังกฤษ อัจฉริยโสภณ
รายละเอียดติดต่อ ร้่านเล่า (053) 214-888
2. แนะนำตัว “สำนักพิมพ์ชายขอบ”
“สำนักพิมพ์ชายขอบ” เป็นการรวมตัวกันของคนทำหนังสือกลุ่มเล็กๆ ที่ตั้งใจจะตีพิมพ์บทกวีร่วมสมัยด้วยเทคนิคและวิธีการทำหนังสือแบบสมัยใหม่ บวกด้วยความใส่ใจ ครุ่นคิด และขวนขวายในการค้นหาและจัดวางภาพประกอบ ตลอดจนการออกแบบรูปเล่ม เพื่อผลิตหนังสือที่ไม่ได้เป็นแค่หนังสือกลอน แต่เป็น “วรรณกรรมวัตถุ” (literary objects) ที่มีความ “ลงตัว” ของเนื้อหา รูปเล่ม การจัดวาง และภาพประกอบ
เพราะเราเชื่อว่า “กวีฤาแล้ง แหล่งสยาม”
…..เพียงแต่บทกลอนได้รับการตีพิมพ์น้อยลง เพราะ “ขายช้า” เมื่อเทียบกับหนังสืออย่างอื่น
แต่เราไม่คิดว่าการแต่งกลอนเป็นเรื่อง “เชย”
…..เพียงแต่คนยังไม่ค่อยรู้จักและไม่ขวนขวายจะรู้จักกวีรุ่นใหม่ที่แต่งกลอนร่วมสมัยต่างหาก (ถ้าไม่ไปสิงอยู่ตามเว็บบอร์ด)
และเราไม่เห็นว่าหนังสือกลอนต้องเป็นของ “ล้าสมัย”
…..เพียงแต่ยังไม่ค่อยมีสำนักพิมพ์ที่นำเสนอบทกวีร่วมสมัยแบบร่วมสมัยสมกับบทกวีเท่านั้น
วรรณกรรมตายแล้วจริงไหม ใครคือผู้กำหนด นิยามของ “วรรณกรรม”
เราไม่สนใจ
เรารู้แต่ว่าสังคมไทยไม่เคยสิ้นไร้คนเจ้าบทเจ้ากลอน และภาษาไทยเป็น “ภาษากวี” ที่ใช้สื่อ “ความจริง” ได้ดีกว่าร้อยแก้วหลายขุมในหลากหลายมิติ เราเชื่อมั่นว่า ตราบใดที่คนในวงการสื่อและสิ่งพิมพ์ช่วยกันคนละไม้คนละมือ สร้างสรรค์และส่งเสริมให้มี “ความหลากหลายทางหนังสือ” ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิด “ความหลายหลากทางความคิด” ตราบนั้นวรรณกรรมและบทกวีจะไม่มีวันตาย
เราอยากแสดงให้เห็นว่าบทกวีช่วยให้คนเข้าถึงความจริง สัมผัสความงาม และซาบซึ้งในความแช่มช้าของชีวิต
“สำนักพิมพ์ชายขอบ” ขอร่วมเป็นส่วนเล็กๆ ในการสืบสานบทกวีไทย ในบริบทของวัฒนธรรมสมัยใหม่ ที่แคมฟร็อกและห้องแชทสร้างแรงบันดาลใจให้กับกวีได้ดีไม่แพ้สายลมและแสงแดด ดังที่คุณมนตรี ศรียงค์ “กวีหมี่เป็ด” ได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้ว
ท้ายนี้ เราขอส่งรายละเอียดหนังสือสองเล่มแรกของ “สำนักพิมพ์ชายขอบ” มาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอฝากสำนักพิมพ์เล็กๆ แห่งนี้ไว้ในความอนุเคราะห์ของท่าน
1. ไทยแลนด์แดนสวรรค์
โดย สฤณี อาชวานันทกุล / 108 หน้า ราคา 185 บาท
กลอนแปดเสียดสีสภาพเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองไทย พร้อมภาพประกอบฝีมือศิลปินรุ่นใหม่ไฟแรง อังกฤษ อัจฉริยโสภณ สี่สีทั้งเล่ม
บางส่วนจากคำนำสำนักพิมพ์ และตัวอย่างเนื้อหา
‘นักวิชาเกิน’ นอนหงายก่ายหน้าผาก
พอคิดมากเรื่องเมืองไทยก็ได้ที่
ระเบิดความอัดอั้นตันฤดี
“สฤณี” ฉายภาพเป็นกาพย์กลอน
เมื่อ “อังกฤษ” อ่านกลอนถึงตอนจบ
เหมือนพานพบขุมพลังแต่ครั้งก่อน
จับพู่กันขยันวาดไม่ขาดตอน
มุ่งสะท้อนวาจาบนผ้าใบ
“ไทยแลนด์แดนสวรรค์” นั้นชั้นไหนหรือ
ที่ร่ำลือว่า “ไทยแท้” นั้นแค่ไหน
หรือเพียงฝันเพ้อพร่ำอยู่ร่ำไป
ขอเชื้อเชิญคนไทยให้คิดตาม
2. โรคลากไส้ดินสอชั่วลัดนิ้วมือเดียว / ทะเล่อทะล่า 2-3 บรรทัด
โดย อุเทน มหามิตร / 168 หน้า ราคา 180 บาท
บทกวีไร้ฉันทลักษณ์แต่หนักอารมณ์และเหนือจินตนาการ สองเล่มในเล่มเดียว ผลงานของอุเทน มหามิตร กวีรุ่นใหม่ที่ไม่เหมือนใคร (และเราเชื่อว่าไม่มีใครกล้าเหมือน) เจ้าของบทกวีเข้ารอบสุดท้ายรางวัลซีไรท์ปี 2550 “ฤดูมรสุมบนสรวงสวรรค์”
บางตอนจาก “โรคลากไส้ดินสอชั่วลัดนิ้วมือเดียว”
แสงพระจันทร์เพียงแย้มพราย
เมฆหนาทึบโถมลง แทบชนเปลือกตา
ดวงดาวเปราะบาง แตกง่าย! แตก!!
กลายเป็นหยดฝนแล้วเทลงเป็นสาย หกล้น
จากความมืดมิด
สาเหตุที่มาเรื่องหลังคารั่วสามารถทลาย
ความคิดคำนึง
และความฟุ้งซ่านที่กระเซ็นซ่านวนอยู่ข้าง
ในหัวบุบๆ นี้ได้ดีทีเดียว
บางตอนจาก “ทะเล่อทะล่า 2-3 บรรทัด”
ผมอยู่ในท้องโลก
ไม่ต้องทำคลอดหรอก
เดี๋ยวอีกไม่นานโลกก็แท้งแล้ว