บารัค โอบามา – “จงทำให้เรากลับมาเชื่อมั่นอีกครั้งหนึ่ง”

“จงทำให้เรากลับมาเชื่อมั่นอีกครั้งหนึ่ง”

แปลจาก สุนทรพจน์ของ Barack Obama ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ขณะยังเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี กล่าวในงานรับปริญญามหาวิทยาลัยเวลส์ยัน วันที่ 25 พฤษภาคม 2008 ลิ้งก์ในบทความเพิ่มเติมโดยผู้แปล

ขอบคุณครับท่านอธิการบดีร็อธสำหรับคำแนะนำตัวผมที่ฟังดูดีมากๆ และขอแสดงความยินดีกับปีแรกของท่านในฐานะกับตันเรือของเวลส์ยัน ขอแสดงความยินดีเช่นกันต่อบัณฑิตใหม่ รุ่นจบปี 2008 และขอบคุณที่ให้ผมเป็นส่วนหนึ่งของงานจบการศึกษาของพวกคุณ

วันนี้ผมได้รับเกียรติเป็นพิเศษให้ลงสนามแทนท่านวุฒิสมาชิก เอ็ดเวิร์ด (เท็ดดี้) เคนเนดี้ หนึ่งในวีรบุรุษในดวงใจของผมและของประเทศนี้ เท็ดดี้อยากมาอยู่ตรงนี้มาก แต่พวกคุณทุกคนรู้ว่าท่านเพิ่งผ่านพ้นสัปดาห์ที่ยาวนานมาก และกำลังใช้เวลาพักผ่อนที่ท่านต้องการ ท่านโทรศัพท์มาหาผมเมื่อไม่กี่วันก่อน ผมบอกว่าผมจะดีใจถ้าได้มาพูดแทน ถึงแม้ว่ามันไม่มีทางเลยที่ผมจะใส่รองเท้าของท่านได้

แต่อย่างไรก็ตาม ผมมีโอกาสได้ผ่านตาสุนทรพจน์ที่ท่านเตรียมมาพูดในวันนี้ และผมก็อยากจะเริ่มด้วยการส่งต่อสารจากท่านว่า “สำหรับทุกคนที่ภาวนาให้ผมหายดี ผมขอขอบคุณจากใจจริง และสำหรับใครก็ตามที่อยากเห็นผลลัพธ์อื่น ผมขอบอกว่า อย่าเพิ่งหวังอะไรมาก!”


“จงทำให้เรากลับมาเชื่อมั่นอีกครั้งหนึ่ง”

แปลจาก สุนทรพจน์ของ Barack Obama ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ขณะยังเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี กล่าวในงานรับปริญญามหาวิทยาลัยเวลส์ยัน วันที่ 25 พฤษภาคม 2008 ลิ้งก์ในบทความเพิ่มเติมโดยผู้แปล

ขอบคุณครับท่านอธิการบดีร็อธสำหรับคำแนะนำตัวผมที่ฟังดูดีมากๆ และขอแสดงความยินดีกับปีแรกของท่านในฐานะกับตันเรือของเวลส์ยัน ขอแสดงความยินดีเช่นกันต่อบัณฑิตใหม่ รุ่นจบปี 2008 และขอบคุณที่ให้ผมเป็นส่วนหนึ่งของงานจบการศึกษาของพวกคุณ

วันนี้ผมได้รับเกียรติเป็นพิเศษให้ลงสนามแทนท่านวุฒิสมาชิก เอ็ดเวิร์ด (เท็ดดี้) เคนเนดี้ หนึ่งในวีรบุรุษในดวงใจของผมและของประเทศนี้ เท็ดดี้อยากมาอยู่ตรงนี้มาก แต่พวกคุณทุกคนรู้ว่าท่านเพิ่งผ่านพ้นสัปดาห์ที่ยาวนานมาก และกำลังใช้เวลาพักผ่อนที่ท่านต้องการ ท่านโทรศัพท์มาหาผมเมื่อไม่กี่วันก่อน ผมบอกว่าผมจะดีใจถ้าได้มาพูดแทน ถึงแม้ว่ามันไม่มีทางเลยที่ผมจะใส่รองเท้าของท่านได้

แต่อย่างไรก็ตาม ผมมีโอกาสได้ผ่านตาสุนทรพจน์ที่ท่านเตรียมมาพูดในวันนี้ และผมก็อยากจะเริ่มด้วยการส่งต่อสารจากท่านว่า “สำหรับทุกคนที่ภาวนาให้ผมหายดี ผมขอขอบคุณจากใจจริง และสำหรับใครก็ตามที่อยากเห็นผลลัพธ์อื่น ผมขอบอกว่า อย่าเพิ่งหวังอะไรมาก!”

โอเค ตอนนี้เรารู้แล้วว่าอารมณ์ขันอันเป็นตำนานของเท็ด เคนเนดี้ ยังแข็งแรงเหมือนเคยนะครับ และผมก็ไม่ข้องใจเลยว่าสปิริตนักสู้ของท่านที่เป็นตำนานไม่แพ้กันจะช่วยประคับประคองให้ผ่านพ้นความท้าทายล่าสุดของชีวิต ท่านเป็นเพื่อนของเรา เป็นแชมเปี้ยนของเรา และเราหวังและภาวนาให้ท่านหวนคืนสู่สุขภาพดี

หัวข้อของสุนทรพจน์ของท่านในวันนี้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับงานรับปริญญา แต่เป็นหัวข้อที่ไม่มีใครสามารถอธิบายอย่างมีพลังเท่ากับเท็ด เคนเนดี้ หัวข้อนั้นคือการรับใช้ชาติ พันธกิจซึ่งพ้องกับเกียรติประวัติของตระกูลท่าน

ผมเกิดปีที่จอห์น พี่ชายของท่าน เรียกร้องให้คนอเมริกันทั้งรุ่นถามประเทศของตัวเองว่าพวกเขาทำอะไรได้บ้าง ผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในยุคที่พวกเขาทำได้จริงๆ พวกเขาคือหน่วยอาสาสมัครเพื่อสันติภาพ (Peace Corps) ที่ทำให้คนรุ่นนั้นทั้งโลกรู้สึกดีต่ออเมริกา ในช่วงที่อุดมคติของอเมริกาถูกท้าทาย พวกเขาคือวัยรุ่นและนักศึกษาปริญญาตรี อายุมากกว่าคุณนิดเดียว ที่เห็นการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิพลเมืองคลี่คลายต่อหน้าบนจอทีวี มองเห็นสุนัขและท่อฉีดน้ำและคลิปข่าวผู้ร่วมชุมนุมถูกทุบตีปางตาย รู้ว่าการอยู่กับบ้านน่าจะเป็นเรื่องฉลาดกว่าและปลอดภัยกว่า แต่ก็ยังตัดสินใจไปร่วม “เดินขบวนเพื่อเสรีภาพ” ในภาคใต้ของเรา ยังตัดสินใจไปเดินขบวน และการทำเช่นนั้นก็ทำให้พวกเขาได้เปลี่ยนแปลงโลก

วันนี้ผมยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพราะพวกคุณกำลังจะเดินเข้าสู่โลกที่ทำให้เราติดอยู่ในความเชื่อได้ง่ายๆ ว่า มีเรื่องราวสองเรื่องที่ดำเนินคู่ขนานกันไปในชีวิตของเรา

เรื่องแรกเป็นเรื่องของสิ่งที่เราห่วงใยและกังวลในชีวิตประจำวัน ความรับผิดชอบของเราต่อหน้าที่การงานและครอบครัว ความจอแจและยุ่งเหยิงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราเอง เรื่องที่สองเป็นเรื่องของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของประเทศเรา สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกที่กว้างกว่า มันคือเรื่องที่คุณมองเห็นเวลาคุณชำเลืองมองพาดหัวข่าวประจำวันหรือดูข่าวทีวีตอนกลางคืน เรื่องของความท้าทายใหญ่ๆ อย่างเช่นสงครามและภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความหิวโหยและสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ความอยุติธรรมและความไม่เท่าเทียม มันคือเรื่องที่บางครั้งอาจจะดูห่างไกลและแปลกแยกจากชีวิตของเรา ราวกับเป็นชะตากรรมที่ขึ้นอยู่กับพลังภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้

แต่แล้ว ประวัติศาสตร์ของชาตินี้ก็บอกเราว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ประวัติศาสตร์บอกเราว่าเราคือชนชาติที่ชะตากรรมไม่เคยมีใครมาเขียนให้ แต่เป็นสิ่งที่เขียนขึ้นมาเอง โดยหญิงชายรุ่นแล้วรุ่นเล่า ทั้งหนุ่มสาวและคนชรา ผู้เชื่อมั่นตลอดมาว่าเรื่องราวของพวกเขาและเรื่องราวของอเมริกาไม่ได้เป็นสองเรื่องที่แยกออกจากกัน หากเป็นเรื่องที่มีจุดร่วม เป็นเวลากว่าสองศตวรรษมาแล้วที่พวกเขารับใช้ชาติในทางที่ทำให้เรื่องราวทั้งสองนี้รุ่มรวยกว่าเดิมไปตลอดกาล

ผมพูดเรื่องนี้ให้คุณฟังในฐานะคนที่ไม่มีทางมายืนอยู่ตรงนี้ถ้าไม่ได้รับใช้สังคม และไม่มีทางยืนอยู่ตรงนี้ได้ถ้าปราศจากเป้าหมายที่การรับใช้สังคมนั้นมอบให้กับชีวิตของผมเอง

Obama at Wesleyan

ผมใช้ชีวิตวัยเด็กส่วนใหญ่อย่างไร้จุดหมาย พ่อของผมทิ้งแม่และผมไปตั้งแต่ผมอายุสองขวบ ตอนที่แม่ผมแต่งงานใหม่ ผมอยู่อินโดนีเซียพักหนึ่ง แต่คนที่เลี้ยงดูผมจนโตในฮาวายคือคุณแม่และคุณตาคุณยายของท่านจากมลรัฐแคนซัส ชีวิตวัยหนุ่มของผมเต็มไปด้วยการขบถแบบวัยรุ่นมากกว่าปกติ และผมยอมรับว่าไม่ได้สนใจตัวเองหรือตั้งใจเรียนมากเท่าที่ควร ผมรู้ดีว่าคงไม่มีใครในที่นี้เป็นอย่างที่ผมเคยเป็น แต่มีบ่อยครั้งที่ผมไม่แน่ใจว่าผมกำลังไปทางไหน หรือรู้ว่าผมจะทำอะไร

แต่ในช่วงสองปีแรกในมหาวิทยาลัย บางทีคุณค่าต่างๆ ที่แม่เคยสอนผมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหนัก ความซื่อสัตย์ การเอาใจใส่คนอื่น ได้โผล่ขึ้นมาอีกรอบหนึ่งหลังจากจำศีลอยู่นาน หรือบางทีมันอาจจะเป็นเพราะผมได้เห็นตัวอย่างดีๆ จากอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมและเพื่อนที่คบกันจนถึงทุกวันนี้ ผมเริ่มสังเกตโลกที่อยู่นอกตัวเอง ผมเริ่มทำกิจกรรมในขบวนการเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบเหยียดผิวในแอฟริกาใต้ ผมเริ่มติดตามการอภิปรายต่างๆ ในประเทศเกี่ยวกับความยากจนและระบบประกันสุขภาพ จนกระทั่งพอถึงเวลาที่ผมเรียนจบปริญญาตรี ผมก็หมกมุ่นอยู่กับไอเดียเพี้ยนๆ ว่าผมจะทำงานในระดับรากหญ้าเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง

ผมเขียนจดหมายไปหาทุกองค์กรในประเทศเท่าที่ผมนึกออก แล้ววันหนึ่ง โบสถ์กลุ่มหนึ่งในเขตเซ้าท์ไซด์ของชิคาโกก็เสนองานให้ผมเป็นนักพัฒนาชุมชน ในละแวกที่เสื่อมโทรมหลังจากโรงงานเหล็กแห่งหนึ่งปิดกิจการ คุณแม่กับคุณตาคุณยายอยากให้ผมเรียนต่อปริญญาโทกฎหมาย เพื่อนๆ ของผมกำลังสมัครงานในภาคการเงิน ในขณะเดียวกัน องค์กรนี้เสนอค่าตอบแทนให้ผม $12,000 ต่อปี (ต่ำกว่าเงินเดือนในภาคการเงินประมาณ 5 เท่า – ผู้แปล) บวกกับเงินอีก $2,000 สำหรับซื้อรถบุโรทั่งมือสองหนึ่งคัน

แล้วผมก็ตอบตกลง

ตอนนั้นผมไม่รู้จักใครเลยในชิคาโก และผมก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องการพัฒนาชุมชนนี่ทำกันยังไง ผมได้รับแรงบันดาลใจตลอดมาจากเรื่องราวของขบวนการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิพลเมืองและเสียงเรียกร้องของเจเอฟเคให้รับใช้ชาติ แต่เมื่อผมไปถึงเซ้าท์ไซด์ ไม่มีใครเดินขบวน ไม่มีสุนทรพจน์ปลุกใจให้ฮึกเหิม ในเงาของโรงงานเหล็กที่ว่างเปล่า มีแต่ชาวบ้านหลายคนที่กำลังดิ้นรนเอาตัวรอด และในช่วงแรกเราก็ทำอะไรไม่ได้มาก

ผมยังจำการประชุมครั้งแรกๆ ที่เราจัดเพื่อคุยกับผู้นำชุมชนเรื่องแก๊งค์อันธพาล เรารอแล้วรอเล่าให้คนโผล่มาประชุม และในที่สุดผู้สูงอายุกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง พวกเขานั่งลง หญิงชราตัวเล็กๆ คนหนึ่งยกมือขึ้นแล้วถามว่า “เกมบิงโกอยู่ห้องนี้รึเปล่า?”

มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในที่สุดงานของเราก็เดิน ทีละวัน ทีละช่วงตึก เรานำชุมชนเข้ามาหากัน ลงทะเบียนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งรายใหม่ๆ จัดตั้งโครงการสอนเด็กหลังโรงเรียนเลิก ต่อสู้เรียกร้องงานใหม่ และช่วยให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีระดับหนึ่ง

แต่ผมก็เริ่มตระหนักเหมือนกันว่าผมไม่ได้กำลังช่วยคนอื่นเท่านั้น การรับใช้สังคมทำให้ผมค้นพบชุมชนที่โอบอุ้มผม ความเป็นพลเมืองที่มีความหมาย ทิศทางที่ผมกำลังเสาะหา การรับใช้สังคมทำให้ผมค้นพบว่าเรื่องราวที่เป็นไปไม่ได้ของผมนั้นเข้ากันกับเรื่องราวที่ใหญ่กว่าของอเมริกาได้อย่างไร

พวกคุณแต่ละคนจะมีโอกาสทำการค้นพบของตัวเองในปีต่อๆ ไป ผมใช้คำว่า “โอกาส” เพราะพวกคุณไม่จำเป็นต้องเลือกทางนี้ โลกแห่งความจริงไม่มีเงื่อนไขว่าคุณจะต้องทำงานบริการชุมชน ไม่มีใครบังคับให้คุณแยแส คุณสามารถขึ้นมารับปริญญาของคุณ เดินลงจากเวทีนี้ไป แล้วก็ไปวิ่งหาแต่บ้านหลังโตๆ และสูทสวยๆ และสิ่งอื่นๆ ที่วัฒนธรรมเงินตราของเราบอกว่าคุณควรจะซื้อ คุณสามารถเลือกบีบความสนใจของคุณให้แคบลง และใช้ชีวิตของคุณในทางที่พยายามกีดกันให้เรื่องราวของคุณอยู่แยกต่างหากจากเรื่องราวของอเมริกา

แต่ผมหวังว่าคุณจะไม่ทำอย่างนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะว่าคุณมีหน้าที่ต่อคนที่โชคดีน้อยกว่าคุณ ถึงแม้ว่าคุณจะมีหน้าที่นั้นจริงๆ และไม่ใช่เป็นเพราะว่าคุณเป็นหนี้บุญคุณคนทุกคนที่ช่วยคุณให้มาถึงตรงนี้ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นหนี้นั้นจริงๆ

แต่เป็นเพราะว่าคุณมีหน้าที่นั้นต่อตัวเอง เพราะการไถ่บาปส่วนตัวของเราขึ้นอยู่กับการไถ่บาปของเราทั้งมวล เพราะการคิดถึงแต่ตัวเอง เติมเต็มเฉพาะความต้องการเฉพาะหน้าของตัวเอง เป็นเครื่องสะท้อนความอับจนของแรงทะเยอทะยาน เพราะการผูกโยงชะตาของคุณเข้ากับอะไรสักอย่างที่ใหญ่กว่าตัวคุณนั้น เป็นทางเดียวที่จะทำให้คุณตระหนักในศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง และค้นพบบทบาทที่คุณจะเล่นในการเขียนบทใหม่อันยิ่งใหญ่ในเรื่องราวของอเมริกา

การรับใช้สังคมนั้นทำได้หลายวิธีและเป็นที่ต้องการอย่างยิ่งยวด ในห้วงเวลาที่เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของเรา คุณไม่ต้องเป็นนักพัฒนาชุมชนหรือทำอะไรบ้าๆ อย่างการลงแข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีก็ได้ ที่นี่ ที่เวลส์ยัน พวกคุณหลายคนได้ทำงานอาสาสมัครแล้วในโรงเรียนท้องถิ่น ช่วยเหลือยูไนเต็ด เวย์ และกระทั่งริเริ่มโครงการที่ส่งผักผลไม้สดให้กับครอบครัวของผู้มีรายได้น้อยในละแวกนี้ บัณฑิตปริญญาตรีจำนวนหนึ่งร้อยหกสิบสี่คนจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้เข้าร่วมหน่วยอาสาสมัครเพื่อสันติภาพตั้งแต่ปี 2001 และผมก็ภูมิใจเป็นพิเศษที่พวกคุณสองคนกำลังจะไปเป็นอาสาสมัครในเคนยา ประเทศบ้านเกิดของคุณพ่อผม เพื่อนำพลังงานทดแทนไปยังพื้นที่แร้นแค้น

ผมขอให้พวกคุณเสาะหาโอกาสเหล่านี้เมื่อคุณไปจากที่นี่ เพราะอนาคตของประเทศนี้ อนาคตของพวกคุณ ขึ้นอยู่กับมัน ในห้วงยามที่ความมั่นคงและสถานภาพทางศีลธรรมของเราขึ้นอยู่กับการเอาชนะใจและสมองของผู้คนในมุมมืดของโลกนี้ที่ถูกลืม เราต้องการคนอย่างพวกคุณที่ออกไปรับใช้ชาติในต่างแดนมากกว่าที่ผ่านมา ในฐานะประธานาธิบดี ผมตั้งใจว่าจะขยายการรับใช้ชาติในต่างแดน เพิ่มจำนวนอาสาสมัครในหน่วยอาสาฯ เป็นสองเท่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และส่งเสริมคนหนุ่มสาวในชาติอื่นให้เข้าร่วมโครงการทำนองนี้ เราจะได้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันในการรับมือกับความท้าทายระดับโลกที่ประจันหน้ามนุษยชาติทั้งมวล

ในห้วงยามที่แผ่นน้ำแข็งขั้วโลกของเรากำลังละลายและระดับน้ำในทะเลของเรากำลังสูงขึ้น เราต้องการพวกคุณให้ช่วยนำการปฏิวัติเขียว เรายังมีเวลาที่จะหลีกเลี่ยงหายนะที่เป็นผลพวงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศถ้าเราจริงจังกับการลงทุนในพลังงานทดแทน ถ้าเราได้คนหนึ่งรุ่นมาเป็นอาสาสมัครในโครงการพลังงานทดแทนต่างๆ ช่วยสอนชาวบ้านเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน และช่วยทำความสะอาดในบริเวณที่มีมลพิษ ถ้าเราส่งวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์เก่งๆ ไปต่างประเทศเพื่อช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนาส่งเสริมพลังงานสะอาด

ในห้วงยามที่เด็กในบอสตันต้องแข่งขันกับเด็กๆ ในปักกิ่งและบังกาลอร์ เราต้องการพวกคุณเป็นกองทัพเพื่อเป็นครูและครูใหญ่ในโรงเรียนที่ชาตินี้ไม่อาจทอดทิ้งได้ ผมจะจ่ายค่าตอบแทนนักการศึกษาของเราตามที่พวกเขาสมควรได้รับ และสนับสนุนพวกเขามากขึ้น แต่ผมก็จะขอให้พวกเขาเป็นคนแนะแนวอาจารย์คนอื่นๆ ด้วย และทำงานในโรงเรียนและในวิชาที่มีความต้องการครูสูงมาก อย่างเช่นคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์

ในห้วงยามที่นิวออร์ลีนส์ยังมีเด็กที่ใช้เวลาทุกค่ำคืนในรถเทรลเลอร์อย่างเดียวดาย เราต้องการพวกคุณมากขึ้นให้สละเวลาสุดสัปดาห์หรือลางานหนึ่งสัปดาห์ เดินทางไปทางใต้และช่วยกันฟื้นฟูเมือง ถ้าคุณไม่มีเวลา ก็จงไปเป็นอาสาสมัครที่สถานสงเคราะห์ผู้ไร้ที่อยู่อาศัยในเขตของคุณ หรือที่โรงทานในชุมชนของคุณ ค้นหาองค์กรที่กำลังต่อสู้กับความยากจนให้พบ หรือผู้สมัครลงเลือกตั้งที่ส่งเสริมนโยบายที่คุณเชื่อมั่น แล้วก็หาทางช่วยเหลือพวกเขา

ในห้วงยามแห่งสงคราม เราต้องการให้พวกคุณทำงานเพื่อสันติภาพ ในห้วงยามแห่งความไม่เท่าเทียมกัน เราต้องการให้พวกคุณทำงานเพื่อสร้างโอกาส ในห้วงยามที่เต็มไปด้วยการถากถางและคลางแคลงใจ เราต้องการให้พวกคุณทำให้เรากลับมาเชื่อมั่นอีกครั้งหนึ่ง

ถึงตรงนี้พวกคุณต้องเข้าใจว่า การเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้นั้น ไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับการเชื่อแบบไร้เดียงสา จงไปรับใช้ชาติด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เพราะความเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้นโดยง่าย ทางเลือกที่ยากลำบากรอเราอยู่ในประเด็นใหญ่ๆ ที่ชาติของเรากำลังเผชิญ เราจะต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่แข็งกระด้าง และเราจำเป็นต้องเห็นความเสียสละ ไม่เพียงแค่จากพวกคุณแต่ละคนเท่านั้น แต่จากประเทศทั้งประเทศโดยรวมด้วย

ไม่มีกระสุนวิเศษอะไรที่จะแก้ปัญหาพลังงานของเราได้ทันควัน ยกตัวอย่างเช่น ไม่มีแหล่งพลังงานใดที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นเราทุกคนจึงต้องใช้แหล่งพลังงานเท่าที่เรามีอยู่อย่างเปี่ยมปัญญามากกว่าเดิม ความยากจนแร้นแค้นไม่มีทางกลับตาลปัตรในชั่วข้ามคืน และจำเป็นจะต้องใช้ทั้งเงินและการปฏิรูป ในห้วงยามที่งบประมาณระดับชาติและมลรัฐของเราขาดแคลน และกรุงวอชิงตันกำลังกังขาว่าการปฏิรูปเป็นไปได้หรือไม่ การเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาของเราไม่เพียงแต่จะต้องใช้การกระทำของรัฐที่กล้าหาญ แต่ยังต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้ปกครองและนักเรียนเองด้วย การนำจุดจบไปสู่การสังหารหมู่ในดาร์เฟอร์จะต้องอาศัยการรับมือกับสภาพความเป็นจริงในพื้นที่ ความจริงที่ยากเย็นแสนเข็ญมากๆ กระทั่งสำหรับคนที่ตั้งใจดีที่สุด

และดังนั้น ถ้าคุณเลือกหนทางที่จะรับใช้ชาติ ถ้าคุณเลือกรับหนึ่งในพันธกิจเหล่านี้มาเป็นพันธกิจของคุณเอง จงรู้ไว้เถิดว่าคุณจะพบกับความอึดอัดใจและความล้มเหลว แม้แต่ความสำเร็จของคุณก็จะเต็มไปด้วยข้อบกพร่องและผลพวงที่ไม่คาดคิด ผมรับประกันได้ว่าคุณจะมีช่วงเวลาที่เพื่อนๆ หรือครอบครัวจะยุให้คุณไปทำอย่างอื่นที่สมเหตุสมผลมากกว่าและมีผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรมมากกว่า และคุณก็จะมีช่วงเวลาที่อยากทำตามคำแนะนำของพวกเขา

แต่ผมหวังว่าคุณจะจำได้ ในห้วงยามแห่งความสงสัยและความอึดอัดใจเหล่านั้น ว่าไม่มีอะไรที่ไร้เดียงสาเลยในแรงดลใจของคุณที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ เพราะการเปลี่ยนแปลงต้องการแค่การรับใช้ชาติหนึ่งเรื่อง หนึ่งหมัดที่ชกหน้าความอยุติธรรม เพื่อส่งแรงกระเพื่อมแห่งความหวังน้อยๆ ที่โรเบิร์ต เคนเนดี้ พูดถึง

พวกคุณรู้ไหมครับ เท็ด เคนเนดี้ชอบเล่าเรื่องเกี่ยวกับการฉลองวันครบรอบห้าปีของหน่วยอาสาสมัครเพื่อสันติภาพ ท่านอยู่ที่นั่น และถามหนุ่มอเมริกันคนหนึ่งว่าเขาเข้ามาเป็นอาสาสมัครเพราะอะไร เขาตอบว่า “เพราะมันเป็นครั้งแรกที่มีคนขอให้ผมทำอะไรสักอย่างเพื่อชาติ”

ผมไม่รู้ว่ามีพวกคุณกี่คนที่เคยถูกถามคำถามนั้น แต่หลังจากวันนี้ไป พวกคุณจะไม่มีข้ออ้างอะไรอีก ผมกำลังขอพวกคุณ และถ้าผมได้รับเกียรติให้รับใช้ประเทศนี้ในฐานะประธานาธิบดี ผมก็จะขอพวกคุณอีกในปีต่อๆ ไป เราอาจจะไม่เห็นพ้องต้องกันในบางประเด็นหรือบางจุดยืน แต่ผมเชื่อว่าเราสามารถสามัคคีกันได้ในการรับใช้สาธารณะ ผมตั้งใจที่จะตั้งเรื่องนี้เป็นพันธกิจของงานประธานาธิบดีของผม และผมเชื่อมั่นจากใจจริงว่าคนรุ่นนี้พร้อม และกระตือรือร้น และทำได้

เราจะพบกับคนที่ชอบเยาะเย้ยถากถางและคนที่กังขามากมาย แต่เราก็เจอพวกเขาตลอดมา ผมยังจำได้ถึงบทสนทนาระหว่างผมกับผู้ชายที่อายุมากกว่าคนหนึ่ง หลายปีมาแล้วก่อนที่ผมจะไปอยู่ชิคาโก เขาบอกว่า “บารัก ผมจะแนะอะไรคุณหน่อยนะ ลืมมันไปซะเถอะไอ้เรื่องพัฒนาชุมชนนั้น ไปทำในสิ่งที่จะทำให้คุณรวยดีกว่า คุณเปลี่ยนแปลงโลกไม่ได้หรอก แล้วคนก็จะไม่เห็นคุณค่าของความพยายามของคุณด้วย แต่น้ำเสียงของคุณดีนะ คุณน่าจะไปลองทำรายการทีวี ผมบอกคุณได้เลย อนาคตคุณรุ่งแน่”

โอเคครับ เขาอาจจะถูกก็ได้เรื่องรายการทีวี แต่อย่างอื่นที่เขาพูดมานั้นผิดหมด เพราะชายสูงอายุคนนั้นไม่ได้เห็นสิ่งที่ผมเห็น เขาไม่ได้เห็นสีหน้าของชาวบ้านธรรมดาๆ ครั้งแรกที่พวกเขาต้องเก็บกวาดที่รกร้างหรือสร้างสนามเด็กเล่นใหม่หรือบังคับผู้นำที่ไม่แยแสให้บริการชุมชนของพวกเขา เขาไม่เคยเห็นสีหน้าของเด็กเปล่งปลั่งขึ้นเพราะมีครูหรือพี่เลี้ยงที่สร้างแรงบันดาลใจ เขาไม่เคยเห็นคนหนุ่มสาวหลายสิบคนสอนพ่อแม่ของพวกเขาในประเด็นอย่างดาร์เฟอร์ หรือปลุกเร้าจิตสำนึกของคนทั้งชาติในประเด็นสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง เขาไม่เคยเห็นผู้ชายและผู้หญิงเข้าแถวเป็นเส้นยาวรอบโรงเรียนและโบสถ์ ทอดยาวออกไปหลายช่วงตึกเพียงเพื่อจะทำให้รัฐได้ยินเสียงของพวกเขา เป็นครั้งแรกในชีวิตสำหรับหลายๆ คน

และคนแก่คนนั้นที่ไม่เชื่อว่าโลกนี้เปลี่ยนแปลงได้ คนที่ไม่คิดว่าคนหนึ่งคนจะมีส่วนสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ก็นั่นแหละ เขาคงไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับชีวิตของลูกชายคนสุดท้องของโจเซฟ เคนเนดี้

เป็นเรื่องยากในประเทศนี้ของเราที่ใครคนหนึ่งจะกระทบกับชีวิตของคนอเมริกันแทบทุกคน โดยที่พวกเราหลายคนไม่ตระหนักเลยด้วยซ้ำ แต่แล้ว เท็ด เคนเนดี้ คือเหตุผลที่เด็กหลายล้านคนไปพบแพทย์ได้เมื่อพวกเขาล้มป่วย มารดาและบิดาสามารถลางานไปดูแลทารกของพวกเขา คนอเมริกันที่ทำงานได้ขึ้นค่าจ้าง และค่าล่วงเวลา และเก็บประกันสุขภาพต่อไปได้เมื่อพวกเขาเปลี่ยนงาน พวกเขาได้รับการคุ้มครองจากความลำเอียงในที่ทำงาน และคนที่เกิดมาพิการยังสามารถได้รับการศึกษา และประกันสุขภาพ และความนับถืออย่างเท่าเทียมในที่ทำงาน โรงเรียนของเราแข็งแรงกว่าเดิมและมหาวิทยาลัยของเราเต็มไปด้วยชาวอเมริกันที่จ่ายค่าเล่าเรียนได้มากกว่าเดิม และผมก็รู้สึกว่าเท็ด เคนเนดี้ จะยังไม่หยุดอยู่แค่นี้นะครับ

แต่แน่นอน ถ้าคนคนหนึ่งสามารถทำอะไรได้มากมายเหลือเกินและนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตของคนจำนวนมากเหลือเกิน เราแต่ละคนก็สามารถทำในสิ่งที่เราทำได้ แน่นอนว่าถ้าประวัติการรับใช้ชาติของท่านและเรื่องราวของท่านสามารถปรับเปลี่ยนเรื่องราวของอเมริกาไปชั่วนิรันดร์ การรับใช้ชาติของพวกเราทุกคนรวมกันก็ย่อมสามารถปรับเปลี่ยนชะตากรรมของคนรุ่นนี้ได้ อย่างน้อยที่สุด ตัวอย่างที่ยังหายใจของท่านเรียกร้องให้เราแต่ละคนพยายาม นั่นคือสิ่งเดียวที่ผมจะขอพวกคุณ ในวันแห่งจุดเริ่มต้นใหม่ๆ อันเบิกบานวันนี้ นั่นคือสิ่งที่ท่านวุฒิสมาชิกเคนเนดี้ขอพวกคุณเช่นกัน และนั่นคือหนทางที่เราจะเดินหน้างานที่เราจำเป็นต้องทำ และทำให้พันธกิจของความยุติธรรมดำรงอยู่ชั่วกาลนาน และถนอมความฝันนี้ให้มีชีวิตสำหรับคนอีกหลายรุ่นถัดไป ขอบคุณมากครับบัณฑิตรุ่นจบปี 2008 และขอแสดงความยินดีต่อการสำเร็จการศึกษาของพวกคุณทุกคน.