บันทึก EISENHOWER FELLOWSHIP 2013 (26)

me-horse.jpg

(บันทึกก่อนหน้า: ปฏิทินการเดินทางวันที่ 1 & 2วันที่สามวันที่สี่วันที่ห้าวันที่หกวันที่ 7 & 8วันที่เก้าวันที่สิบวันที่สิบเอ็ดวันที่สิบสองวันที่สิบสามวันที่สิบสี่วันที่สิบห้าวันที่สิบหกวันที่สิบเจ็ดวันที่สิบแปดวันที่สิบเก้าวันที่ยี่สิบวันที่ยี่สิบเอ็ดวันที่ยี่สิบสองวันที่ 23 & 24วันที่ยี่สิบห้าวันที่ยี่สิบหก, วันที่ยี่สิบเจ็ด)

วันที่ยี่สิบแปด

เซโดนา :  27/10/2013

เช้านี้พวกเราแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมตามใจชอบ ซึ่งมีตั้งแต่ ขึ้นบอลลูนไปชมวิว ขี่รถจี๊ปชมภูเขา ขับรถออฟโร้ดตะลุย ขี่ม้า หรือไปปีนเขา ผู้เขียนเลือกขี่ม้าเพราะคิดว่าเป็นภาระกับเข่าน้อยที่สุดในบรรดากิจกรรมทั้งหลาย ยกเว้นนั่งบอลลูนชมวิวซึ่งต้องตื่นก่อนตีห้า ถ้าขี่ม้าตื่นแปดโมงเช้าได้ ผู้เขียนก็เลยไปขี่ม้าดีกว่า :p มีเพื่อนๆ ไปด้วยกันอีกหกคน คือเต๋า พี่ก็ เอลิซา เวลิน โจ(จากสิงคโปร์)กับลินดา ภรรยาของเขา

Horseriders

Me on the horse

ใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วโมงกว่า กว่าจะไปถึงคอกม้า ต้องแวะรับนักท่องเที่ยวคนอื่นอีกสี่คนระหว่างทางด้วย กว่าจะขึ้นบนหลังมาได้ก็สิบโมงเช้าพอดี ทุลักทุเลพอสมควร เราเลือกบริษัท Horsin’ Around Adventures ซึ่งดูมีประสบการณ์พอสมควรกับคนที่ขี่ม้าไม่เป็น ไกด์ (คาวบอยเกิดแอริโซนาทั้งคู่) เลือกม้าแก่ชื่อ แพทช์ (Patch) ให้ผู้เขียน บอกว่ามันเป็นม้าใจดีอ่อนโยน แต่ชอบหยุดแวะกินหญ้ากินน้ำระหว่างทาง ฉะนั้นควรปรามมันให้ดี

พอพวกเรามีม้าขี่กันคนละตัว ขบวนคาวบอยจำเป็นของเราก็เริ่มออกเดินทาง โดยมีคาวบอยมืออาชีพขี่นำหนึ่งคน ขี่ปิดขบวนหนึ่งคน เจ้าแพทช์ม้าของผู้เขียนนิสัยดีตามที่ไกด์บอก แต่หยุดกินหญ้าข้างทางบ่อยจริงๆ ด้วย ต้องคอยดึงสายบังเหียน แต่มันไม่ค่อยทำตามผู้เขียนเท่าไร คงเป็นเพราะรู้ดีแน่เลยว่าเจ้านี่ขี่ม้าไม่เป็น ฉวยโอกาสกินตามใจตูดีกว่า ไกด์ตะโกนบอกให้ผู้เขียนใช้ขาถีบสีข้างมัน แต่เข่าผู้เขียนไม่ค่อยมีแรง ถีบเท่าไรมันก็ไม่เห็นจะรู้สึก หลังๆ เลยใช้วิธีหันไปตบก้นมันแรงๆ เวลาที่หยุดกินหญ้านานเกินไป – ที่รู้ว่า “นานเกินไป” คือม้าของพี่ก็ที่เดินตามตูดมาติดๆ เริ่มหายใจฟืดฟาด คงไม่สบอารมณ์ว่าทำไมฉันต้องมาตามก้นเจ้าม้าเชื่องช้าและตะกละตัวนี้ด้วย

Horses

HorsesHorses

ใช้เวลาขี่ม้าทั้งหมดชั่วโมงกว่า เขาพาเดินขึ้นเขาลงห้วย ลัดเลาะข้ามภูเขาหนึ่งลูก มองลงมาเห็นเมืองทั้งเมือง ม้าทุกตัวเชื่องมาก มันเดินตามก้นกันต้อยๆ ตลอดเวลา ไกด์บอกว่าม้าชอบอยู่กันเป็นฝูง ถ้าไม่มีอะไรมาทำให้มันตื่นตกใจ มันจะไม่เดินออกนอกฝูงเป็นอันขาด แต่ผู้เขียนว่าม้าพวกนี้คงแบกนักท่องเที่ยวเดินเส้นทางนี้จนชิน ต่อให้เอาผ้าคาดตามันคงเดินกลับบ้านถูก

สรุปว่าขี่ม้าครั้งนี้สนุกดี แต่เจ็บก้นเจ็บเข่าพอสมควรพอลงจากหลังม้ามาแล้ว ผู้เขียนสังเกตว่าม้าของพวกเราเกือบทุกตัวเห็นแก่กิน คือหยุดกินหญ้าตามทางตลอดเวลา ไม่เหมือนกับม้าของนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันสี่ตัวที่เดินนำหน้าเรา ไม่เห็นหยุดกินอะไรเลย ผู้เขียนเลยบอกเพื่อนๆ ว่า นี่ต้องเป็นกรรมตามสนองพวกเราแน่ๆ เพราะได้ม้าที่ช่างกินเหมือนกับ Eating Fellowship คนขี่ 🙂     

Mountains

ตอนบ่ายแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน ผู้เขียนกลับมานั่งเขียนบันทึกที่ห้อง ราวสี่โมงเย็นพวกเรามีนัดกันในโรงแรม ระดมสมองกันคิดโปรเจ็กท์ที่อยาก “ร่วมมือกันทำ” หลังจากจบโปรแกรมนี้ (นอกเหนือจากสิ่งที่พวกเราแต่ละคนอยากทำ) โดยเริ่มต้นจากการรวบรวมประเด็นที่แต่ละคนสนใจ สรุปว่าได้สี่โครงการใหญ่ๆ คือ แนวร่วมสิ่งแวดล้อมอาเซียน โครงการพัฒนาแอพต่อต้านคอร์รัปชั่น เครือข่ายผู้เขียนเลี้ยง และเครือข่ายพัฒนาอาเซียน พวกเราตกลงกันว่าคราวหน้าที่มาเจอกันจะพัฒนาไอเดียเหล่านี้ให้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น

ตกเย็น Eisenhower Fellowships พาพวกเราไปเลี้ยงที่ร้านอาหารอเมริกันชื่อ Ken’s Creekside อาหารอร่อยมาก โดยเฉพาะเนื้อกับสลัด

Salad

Steak

ท้องฟ้ากลางคืนวันนี้สวยสว่างกว่าเมื่อคืนอีก ผู้เขียนเลยชวนเพื่อนๆ ออกมานอนดูดาวกันอีกครั้ง คราวนี้เตรียมตัวมาดีกว่าเมื่อวาน ยืมแว่นของฟิเฟ็ก โทรศัพท์มือถือก็ชาร์จแบทมาเต็ม เลยใช้แอพ Starwalk ช่วยหาพิกัดดาวได้ ชี้ให้เพื่อนๆ รู้จักกลุ่มดาวไอโรออน (นายพราน หรือเต่ากับดาวไถในคติไทย) กลุ่มดาวหงส์ หมีเล็ก แคสสิโอเปีย (คนไทยเรียกกลุ่มดาวค้างคาว) กระจุกดาวพลีเอดีทส์ (กระจุกดาวลูกไก่) กลุ่มดาววัว หลายคนมองเห็นปื้นจางๆ ของแกแล็กซีแอนโดรมีดา กับโอไรออนเนบิวลา ซึ่งเป็นแกแล็กซีกับเนบิวลาที่อยู่ใกล้โลกที่สุดตามลำดับด้วย ทำให้ไกด์อย่างผู้เขียนภูมิใจ เพราะเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ไม่เคยดูดาวมาก่อน 🙂

Stargazers

จากข้อมูลที่อ่านเจอบนเน็ต ปรากฏว่าเมืองเซโดนาเป็นที่ที่เหมาะแก่การดูดาวมาก ด้วยความที่แสงไฟน้อย อยู่บนที่ราบสูง และอากาศแห้ง ทำให้มีเมฆน้อยมาก ท้องฟ้าปลอดโปร่งปีละ 300 วันเลยทีเดียว